รีเลย์ป้องกัน ในขณะที่มอเตอร์เกิดฟอลต์ขึ้น จำเป็นต้องตัดวงจรไฟฟ้าออกจากระบบด้วย ความเร็วสูง ทั้งนี้เพื่อลดอันตรายและลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับมอเตอร์ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้อง ใช้อุปกรณ์ควบคุมและอุปกรณ์ป้องกัน พร้อมทั้งค้นหาสภาพผิดปกติที่เกิดขึ้นในระบบ เพื่อสั่งการให้เซอร์กิตเบรกเกอร์ ตัดวงจรด้วยความเร็วสูงโดยอัตโนมัติ เราเรียกอุปกรณ์ควบคุมการป้องกันนี้ว่า “รีเลย์ป้องกัน”
ขดลวดช๊อต แบบเทิร์น-เทิร์น

          ความเสียหายแบบขดลวดช๊อตชนิดเทิร์น-เทิร์น (ช๊อตกันระหว่างรอบที่ใช้พัน)เป็นผลจากฉนวนหุ้มหรือ  เคลือบลวดทองแดง เกิดความเสียหาย  สาเหตุเกิดจาก มีการปนเปื้อนของสิ่งสกปรก เกิดการกัดกร่อน  เกิดการสั่นสะเทือนแรงกระทำทางกลและแรงดันเสริทจากระบบไฟฟ้า โดยเฉพาะแรงดัน Spice Voltage ที่เกิดจากอุปกรณ์ปรับเปลี่ยนความเร็วรอบ(VSD)

ขดลวดช๊อต แบบเฟส-เฟส

              ความเสียหายแบบขดลวดช๊อตชนิดเฟส-เฟส เป็นผลจากฉนวนกั้นเฟสของขดลวดเกิดความเสียหาย    ความเสียหายจุดนี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งเนื่องจากเป็นจุดที่มีแรงดันกระทำต่อฉนวนสูงที่สุด สาเหตุเกิดจากการปนเปื้อนของสิ่งสกปรก เกิดการกัดกร่อน แรงสั่นสะเทือน มีแรงดันเสริทกระทำที่ฉนวนกั้นเฟส

ขดลวดช๊อต แบบคอยล์-คอยล์

              ความเสียหายแบบขดลวดช๊อตชนิดคอยล์-คอยล์เป็นผลมาจากฉนวนเคลือบหรือหุ้มขดลวด หรือฉนวนกั้น(กระดาษ)ระหว่างคอยล์เกิดความเสียหาย    สาเหตุเกิดจาก มีการปนเปื้อนของสิ่งสกปรก เกิดการกัดกร่อน    เกิดการสั่นสะเทือน แรงกระทำทางกล และแรงดันเสริทจากระบบไฟฟ้า 

ขดลวดไหม้เกิดจาการใช้งานเกินพิกัด

               ความเสียหายแบบขดลวดไหม้ ที่เกิดจากการใช้งานเกินพิกัด  ขดลวดจะมีลักษณะไหม้เกรียมเป็นสีดำเป็นผลมาจากความร้อนที่เกิดจากการใช้งานมอเตอร์  เกินกว่าพิกัดกระแสที่เนมเพลท โดยจะไหม้เหมือนกันหมดทั้ง 3 เฟส  ข้อสังเกตุ การใช้งานมอเตอร์ภายใต้เงื่อนไขแรงดันต่ำกว่าหรือสูงกว่า สแตนดาร์ต ทั้ง NEMA และ IEC จะมีลักษณะความเสียหายคล้ายกับความเสียหายที่เกิดจากการใช้งานเกินกระแสพิกัด หรือโอเวอร์โหลด

สาเหตุที่ทำให้มอเตอร์ร้อน
                   1. จำนวนกระแสของโหลด
                   2. ระยะเวลาของการมีโหลดเกิน
                   3. ความถี่บ่อยในการสตาร์ทมอเตอร์
                   4. เวลาที่ใช้ในการสตาร์ทจนมอเตอร์ถึงความเร็วสูงสุด
                   5. อุณหภูมิแวดล้อม (Amblent temperature)
                   6. ความสามารถในการระบายความร้อน
                   7. ช่วงเวลาในการทำงาน (Duty cycle)